แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ตำผลไม้ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ตำผลไม้ แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ร้านส้มตำเซ็นต์หลุยส์


ร้านส้มตำเซ็นต์หลุยส์

       ร้านส้มตำบรรยากาศสบายๆ เป็นกันเอง อยากทานรสไหน สั่งได้ อยากเปรี้ยว อยากเผ็ด บอกแม่ครัวให้ปรุงอาหารได้อย่างใจ เพลงเพราะอยากฟังเพลงแบบไหนตามใจคุณ






สวนอาหารส้มตำศรีนครินทร์ ส้มตำปูไข่ แซ่บๆ


          สวนอาหารส้มตำศรีนครินทร์  ส้มตำปูไข่ แซ่บมาก

             ชื่อร้านไม่ซับซ้อน บอกกันตรงๆ ว่า สวนอาหารส้มตำ อยู่ที่ถนนศรีนครินทร์ หน้าร้านมีต้นไม้ใบเขียวครึ้ม บ่งบอกถึงความร่มรื่น






ป้าสาคร กลิ่นสุคนธ์ เล่าที่มาที่ไปของสวนอาหารส้มตำ ว่า เปิดมาประมาณ 30 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้ เปิดเป็นห้องแถวอยู่ทางด้านหน้า ก็ขายส้มตำ ไก่ย่าง ฉบับชาวบ้าน ต่อมาก็ขยับขยายซื้อที่ทางเข้ามาอยู่ในซ.ศรีนครินทร์ 44 ร่มรื่นด้วยต้นไม้มีที่จอดรถกว้างขวาง

เมื่อมาถึงร้านแล้วเรียก น้ำย่อยกันก่อนด้วย "ไส้กรอกอีสาน" สั่งตรงมาจากตำบลบ้านใหม่ จังหวัดขอนแก่น เป็นเนื้อหมูล้วน มันไม่มาก ไม่มีส่วนผสมของข้าวสุก เพราะกินแล้วเสียรสชาติของไส้กรอกอีสาน

วิธีปรุง ทอดในน้ำ มันท่วม ใช้ไฟอ่อนประมาณ 15 นาที ให้เหลือง กรอบนอกนุ่มใน ก็กินได้แล้ว กินแกล้มกับ ขิง-ต้นหอม ถั่วลิสง ที่เราคั่วเอง บวกกับพริกทอด


ถัดมาถึงเวลาส้มตำแล้ว ขอแนะนำ "ส้ม ตำปูไข่" ใช้มะละกอกรอบพันธุ์ดำเนิน มีจุดเด่นที่ความกรอบ เนื้อไม่เหนียว

การเตรียมมะละกอนั้น ทางร้านขูดเส้นมะละกอใส่กล่องพลาสติกแล้วทับด้วยน้ำแข็ง ให้เส้นมีความชื้นอยู่ตลอดเวลา

สำหรับปูทะเลไข่ คัดขนาด 6 ตัวต่อกิโลฯ มาล้างทำความสะอาด ดองด้วยซีอิ๊วขาว เครื่องยาจีน และสูตรของร้าน จากนั้นแช่ไว้ในช่องแช่แข็งทิ้งไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง เมื่อลูกค้าสั่ง จึงจะคลุกเคล้ามะละ กอกับปู ก่อนปรุงรสชาติให้กลมกล่อมด้วยน้ำยำ จานนี้พิเศษตรงที่ได้ความหวานของเนื้อปู

ต่อมาเป็น "ส้มตำ หลอด" ใช้เส้นใหญ่ ห่อด้วยแครอต ปรุงรสชาติน้ำยำสูตรของทางร้าน เติมถั่วลิสง คลุกเคล้าให้ทั่ว ใช้กุ้งลวกแต่งหน้า

สำหรับส้มตำของทางร้านมีมากมายหลายชนิด ไม่ให้เสียชื่อที่เป็นถึงสวนอาหารส้มตำ โดยตำกันกว่า 30 อย่าง ไม่ว่าจะเป็น ตำมะม่วงกุ้ง-ปู ตำผลไม้ ตำปูปลาร้า ตำปลากรอบ

อีกทีเด็ดแนะนำ ได้แก่ "แกงหน่อไม้ใบย่านาง" ใช้หน่อไม้สด หน่ออ่อน เพราะจะได้ไม่มีเสี้ยน หั่นเป็นชิ้น ต้มสักครึ่งชั่วโมง แล้วใช้ใบย่านางคั้นน้ำ ปรุงรส ใส่เห็ดฟางพริกขี้หนูสด หอมแดงทุบ ข้าวเบือ ชะอม ใบแมงลัก ฟักทอง ปลาร้า

มีส้มตำแล้วไม่มีไก่ย่าง ก็ถือว่าไม่ครบสูตร

ทางร้านนำเสนอ ไก่นาย่าง โดยสั่งไก่มาจากฟาร์มที่เลี้ยงด้วยสมุนไพร ในฟาร์มปิดเพื่อให้มั่นใจว่าปลอดโรค

การปรุงใช้ไก่ตัวละ 1 กิโลฯ หมักด้วยกระเทียม พริกไทย รากผักชี คลุกเคล้าให้เข้าเนื้อ ทิ้งไว้ 3 ชั่วโมง จากนั้นย่างที่เตาถ่าน ใช้ไฟปานกลาง ครั้งละ 45 นาทีเท่านั้น ให้ระอุถึงเนื้อข้างใน เนื้อไก่จะแห้ง และนุ่มกำลังดี หอมกลิ่นถ่าน

สำหรับคนชอบกินปลา ต้อง "ปลาช่อนเผาเกลือ" ที่ร้านของเราใช้ปลาตัวละ 8 ขีดกำลังพอดี ล้างให้สะอาดแล้วคลุกเกลือ ก่อนย่างประมาณ 45 นาที กินคู่กับน้ำจิ้มแจ่ว กับน้ำซีฟู้ด มีผักลวกแกล้ม

สวนอาหารส้มตำยังมีเมนูอีกมาก ไม่ว่าจะเป็น ลาบไข่เจียว และเลือกได้ว่าจะเป็นหมู เนื้อ หรือไก่ หรือจะเป็น ลาบหมูทอด ที่ใช้เครื่องลาบผสมหมู ปั้นให้เป็นลูกแล้วทอด หรือจะซดน้ำให้คล่องคอ แนะนำ ต้มแซบหมู ต้มแซบเนื้อ ที่มีรสชาติเปรี้ยว-เค็ม-เผ็ด กำลังดี ซดคล่องคอ โดยราคาส้มตำเริ่มที่ 40 บาท และจานอื่นๆ สูงสุดราคา 260 บาท







สำหรับร้านหาไม่ยาก วิ่งถนนศรีนครินทร์ สังเกตซอยศรีนครินทร์ 44 ตรงข้ามห้างพาราไดซ์ พาร์ค เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น. ทุกวัน หรือถ้าไม่ถูกให้โทร.สอบถามที่หมายเลข 0-2393-5884 หรือ 0-2748-0794-5

วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2555

ร้านตะละลำ ตำตำ ร้านส้มตำชื่อกิ๊บเก๋ที่ดิอเวนิวรัชโยธิน แซ่บหลาย!!


 ร้านตะละลำ ตำตำ ร้านส้มตำชื่อกิ๊บเก๋ที่ดิอเวนิวรัชโยธิน

                                       แซ่บหลาย!!

      พามาชิม ร้านส้มตำชื่อกิ๊บเก๋ ‘ตะละลำ ตำตำ  ในบรรยากาศสบายๆ ที่ดิอเวนิวรัชโยธิน ศูนย์การค้า Lifestyle ของคนมีสไตล์ ครั้งนี้ มีโอกาสแวะเวียนไปเดินแถวเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน ไม่พลาดที่จะค้นหาร้านอร่อยโดนใจ มาเรียกน้ำย่อยให้ทุกคนได้น้ำลายไหล คงไม่ต้องบอกว่าเป็นร้านอาหารประเภทไหน ดูจากชื่อร้านก็น่าจะเดาออกว่าเป็นร้าน ‘ส้มตำ’


ร้านอยู่ใกล้ๆ กับร้านตัดผมชลาชล สังเกตง่ายถ้าเดินออกจากเมเจอร์ รัชโยธิน ก็เลี้ยวขวา เดินตรงมาทางโซนซูซูกิอเวนิว บริเวณตลาดนัดเปิดท้ายขายของฝั่งตรงข้ามซอยดารา สะดุดตากับร้าน ‘ตะละลำ ตำตำ’ ซึ่งเป็นกระจกใสทั้งร้าน เล็กกะทัดรัด การตกแต่งแบบโมเดิร์นให้บรรยากาศ Cozy มากๆ เปิดร้านมาพร้อมๆ กับโครงการดิอเวนิวรัชโยธิน จากสาว Agency ที่ทำงานด้านโฆษณา ผันตัวเองมาเป็นหุ้นส่วนร้านอาหาร บริหารและจัดการตั้งแต่วัตถุดิบ การบริการภายในร้าน รวมถึงการคิดค้นสูตรใหม่ๆ มาพัฒนารสชาติอาหารให้เป็นเอกลักษณ์ของร้านเอง ส่วนที่มาของชื่อร้านตะละลำตำตำ คือการนำจุดเด่นของคนอีสานที่มีความสนุกสนานครื้นเครง ร้องรำทำเพลงอย่างมีความสุข เหมือนกับการได้มารับประทานอาหารที่ร้านนี้ ก็จะได้รับความอิ่มหนำสำราญ พร้อมกับความสุขกลับไปเช่นกัน

ภายในร้านตกแต่งสไตล์อีสานประยุกต์ โต๊ะเก้าอี้เป็นไม้ นำสุ่มไก่ มาดัดแปลงเป็นโคมไฟ ภายในมีหมอนอิงลายผ้าขาวม้าซึ่งเป็นผ้าพื้นเมืองของคนอีสาน จานรองแก้วได้ไอเดียจากถาดรองกระถางเพาะกล้าไม้ ส่วนที่ใส่กระดาษทิชชูก็เป็นกระถางพลาสติกเพาะกล้าไม้ ดูเก๋แปลกดีไม่เหมือนใคร และคุ้นตากันบ้างกับบางฉากในละครยอดฮิต ‘สูตรเสน่หา’ เคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครด้วยขอบอก!!!!


การจัดและตกแต่งร้าน

อีกมุมหนึงของร้าน

เมนูแนะนำที่ตั้งโชว์อยู่หน้าร้าน

อาหารอีสานแท้ 100% สำหรับใครที่เป็นคอเดียวกัน ต้องลองมาดูเมนูแนะนำว่ามีอะไรบ้าง เปิดเมนูของร้านก็เห็นความโดดเด่นที่บอกชัดเจนว่า เมนูทุกอย่างไม่ใส่ผงชูรส แหม…แบบนี้ก็ถูกใจคนชิม และอีกหลายคนที่รักสุขภาพ รับประทานแล้วไม่อ้วน ปลอดสารบอแร็กซ์ ไม่เชื่อก็ต้องลอง อ้อ!! ทุกเมนูที่สั่งระบุความเผ็ดไปด้วยนะจ๊ะ เพราะอาหารปรุงรสชาติกลางๆ ใครที่ต้องการความเผ็ดร้อน ก็ต้องเพิ่มดีกรีตามออเดอร์ 3 ระดับ (เผ็ดปกติ 3 เม็ด) เมนูแรกเป็นออร์เดิร์ฟเรียกน้ำย่อย นั่นคือ ข้าวเหนียวทอดไส้ลาบ (55 บาท) หน้าตาคล้ายเปาะเปี๊ยะ กรอบนอกนุ่มใน หอมกลิ่นลาบ รับประทานเป็นของว่างก็ได้

ไก่ทอด (79 บาท) เสิร์ฟมาพร้อมน้ำจิ้มแจ่ว เนื้อนุ่มกลิ่นหอม รับประทานคู่กับเมนูอื่นๆ ก็เข้ากัน ช่วยบรรเทาความเผ็ดได้ไม่น้อยเลยทีเดียว


ตำเตลิด (69 บาท) เมนูเด็ดที่คิดค้นขึ้นเป็นชื่อเรียกเอกลักษณ์ของร้าน จานนี้อร่อยเหาะจริงๆ ค่ะ พอได้ลองคำแรก…ก็ตักไม่หยุด… เป็นส้มตำผสมลาบหมู ถั่วลิสง ถั่วฝักยาว มะเขือเทศ ขนมจีน กุ้งแห้งตัวโต มีกลิ่นของปลาร้านิดๆ แต่ถ้าใครไม่ชอบก็บอกได้ว่าไม่ใส่ปลาร้า

ตำเถิดเทิง (69 บาท) เมนูนี้ไม่ใส่ปลาร้า แต่ส่วนผสมหลากหลายอาทิ แตงกวา ถั่วฝักยาว แคบหมู ไก่ทอด หอยแครง หมูยอ ถั่วงอก แตงกวา มะเขือเทศ มองดูแล้วคล้ายตำมั่ว แต่ทางร้านเรียกว่าตำเถิดเทิง กระซิบบอกว่าเป็นสูตรเฉพาะของทางร้านค่ะ

ตำกะปิกุ้งสด (69 บาท) ได้กลิ่นของกะปิเล็กน้อย แต่ไม่คาว กุ้งเนื้อแน่นรสหวาน รสชาติจัดจ้านนิดๆ เอาใจคนที่ไม่ชอบรับประทานปลาร้า ก็ใส่กะปิแทน

ยำก้านคะน้ากุ้งสด (80 บาท) ก้านคะน้าสด กรอบมาก กุ้งสดตัวใหญ่ น้ำยำเข้มข้น คลุกเคล้ากันแล้วออกรสเปรี้ยวหวาน จี๊ดจ้าดถึงใจเชียวค่ะ

อาหารพื้นบ้านที่แนะนำก็คือแกงอ่อมไก่ (85บาท) มองแล้วคล้ายแกงเปรอะ แต่เป็นแกงอ่อมที่ใส่สารพัดผัก กลิ่นปลาร้าไม่ฉุน เน้นผักที่เป็นเห็ดซึ่งมีประโยชน์ หน่อไม้สด รสชาติหอมหวาน อ้อ!..ใส่วุ้นเส้นด้วยนะคะ เขาบอกว่าจะช่วยลดความเผ็ดของน้ำแกง (ไม่รู้จริงอะป่าว)

ป่นปลาทู (75 บาท) หรือน้ำพริกปลาทู เสิร์ฟมาพร้อมกับผักลวกอย่างถั่วฝักยาว บวบ กะหล่ำปลี แครอท ใช้เนื้อปลาทูล้วนๆ ผสมเนื้อมะเขือ พริก ปลาร้า ต้นหอม โขลกรวมจนเป็นเนื้อเดียวกัน โรยหน้ามาด้วยใบสะระแหน่ เมนูนี้คนอีสานแท้ๆ จะเข้าใจในรสชาติ เพราะกลิ่นปลาร้าโชยพอสมควร แต่ถ้ารับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ ก็อร่อยลงตัวนะจ๊ะ…

วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555

ร้านส้มตำ “ตำเทวดา” ร้านอาหารอีสานรสชาติจัดจ้าน

  ร้านส้มตำ“ตำเทวดา” ร้านอาหารอีสานรสชาติจัดจ้าน


     เป็นร้านอาหารอีสานที่ปรับรสชาติให้เข้ากับลิ้นของคนภาคกลาง แถมด้วยอาหารตามสั่งอื่นๆ ให้เลือกอีกมากมาย ในราคาย่อมเยาไม่หนักกระเป๋านัก ส่วนเรื่องของอาหารการกินนั้นก็มีมาแนะนำกันหลากหลายเมนู อาทิ ส้มตำเทวดา ซึ่งเป็นจานเด็ดของร้าน หน้าตาจะไม่เหมือนส้มตำทั่วไป เพราะได้นำมะละกอและแครอทไปชุบแป้งทอด และเสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำส้มตำไทยที่แยกมาอีกถ้วย รสชาติจะออกเปรี้ยว หวาน เผ็ด กลมกล่อม