แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ตำปูม้า แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ตำปูม้า แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ร้านส้มตำเจ๊แดง ตลาดสามย่าน



ร้านส้มตำเจ๊แดง ตลาดสามย่าน


บรรยากาศร้านส้มตำเจ๊แดง

       “ส้มตำ” ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งอาหารประจำชาติไทยไปแล้ว เพราะไม่ว่าจะไปที่ไหน เมื่อไหร่ ก็มักจะเห็นร้านส้มตำเปิดขายอยู่เสมอ อีกทั้งยังเป็นอาหารที่กินกันได้บ่อยๆ ไม่มีเบื่อ อย่างที่ “ผ่านมาแวะกิน” จะพาไปลองชิมกันในวันนี้ ก็เป็นร้านส้มตำชื่อดังในแถบสามย่าน เรียกว่าใครไปใครมาก็ต้องแวะมากินกัน กับร้านที่มีชื่อว่า “ส้มตำเจ๊แดง”  จากแรกเริ่มที่เป็นรถเข็นขายส้มตำมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2541 ก็ปรับปรุงขยับขยายจนมาเปิดในร้านได้ 5-6 ปีแล้ว คุณสมปอง ขันแก้ว เจ้าของร้านเป็นคนมหาสารคาม อาหารในร้านจึงเป็นอาหารอีสานที่นำมาปรับรสชาติให้เข้ากับลิ้นของคนเมือง

                                           
                                       ส้มตำไข่เค็ม

       ทางร้านเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพดี ประกอบกับรสชาติที่ปรุงออกมาได้ถูกใจ จึงทำให้ลูกค้าแวะ   เวียนกันมาไม่ขาดสาย โดยเฉพาะช่วงพักเที่ยงนั้นถึงกับต้องยืนรอกันเลยทีเดียว
     
       ของอร่อยที่เห็นหลายๆ โต๊ะสั่งมากินกันก็อย่างเช่น ส้มตำไข่เค็ม (40 บาท) ที่ทางร้านจะเลือกใช้ไข่เค็มอย่างดี มาใส่กับส้มตำไทยรสชาติจัดจ้าน แถมด้วยถั่วลิสงที่ตะลงมาพร้อมกันนั้นก็เพิ่มความมันเคี้ยวอร่อยมากขึ้นไปอีก ส้มตำจานนี้ทั้งเปรี้ยวหวานมันเค็มเผ็ดครบรส ถูกใจคนชอบส้มตำเสียจริงๆ

คอหมูย่าง
       เมนูถัดไปก็ต้องเป็น คอหมูย่าง (50 บาท) ที่จะใช้เนื้อหมูส่วนคอมาหมักกับซอสปรุงรส ข้าวคั่ว พริกป่น และงาขาว พอหมักได้ที่แล้วก็จะนำไปย่างด้วยเตาถ่านส่งกลิ่นหอมฉุย เวลาเสิร์ฟจะหั่นมาให้เป็นชิ้นพอดีคำ กินคู่กับน้ำจิ้มแจ่วใส่ข้าวคั่วรสชาติหวานๆ เค็มๆ เผ็ดๆ ชิมคอหมูย่างแล้วเนื้อนุ่มหอมงา ได้รสชาติเครื่องหมักต่างๆ เข้าเนื้อ หรือจะสั่งข้าวเหนียวมากินคู่กันเพิ่มความอิ่มก็เข้ากันดี
     
       จานนี้ก็เป็นที่นิยมไม่เบา กับเมนู ยำไก่ทอด (55 บาท) เมนูนี้มาจากไก่ทอดที่ทางร้านทำอยู่แล้ว โดยจะใช้ไก่นำไปหมักแล้วชุบแป้งทอด ส่วนน้ำยำก็จะเป็นสามรส ที่ปรุงไม่ให้เผ็ดมากเกินไป เครื่องยำอื่นๆ ก็ใส่ทั้งมะม่วงเปรี้ยวสับ กะหล่ำปลีซอย ผักกาดหอม ต้นหอม ผักชี และใบสะระแหน่ นำทั้งหมดมาคลุกเคล้ากับน้ำยำให้เข้ากัน เวลาเสิร์ฟจะโรยถั่วลิสงคั่วมาด้านบน ลองชิมไก่ก็ได้รสชาติ เข้ากับน้ำยำรสกลมกล่อม แถมด้วยความเปรี้ยวจากมะม่วงสับ ที่ทำให้ยำจานนี้อร่อยมากขึ้น

ยำไก่ทอด
       ปิดท้ายด้วยเมนูน้ำๆ ต้มแซ่บกระดูกหมูอ่อน (60 บาท) ที่จะนำกระดูกหมูอ่อนไปเคี่ยวจนเปื่อยก่อน จากนั้นเมื่อลูกค้าสั่งก็จะนำมาต้มอีกครั้งกับเครื่องต้มยำ ใส่เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า ปรุงรสให้แซ่บตามสูตรของทางร้าน ลองชิมแล้วกระดูกหมูเปื่อยนุ่ม รสชาติแซ่บจี๊ดจ๊าดสมชื่อเมนู
     
       แต่ถ้าใครยังไม่อิ่ม อยากจะลิ้มลองเมนูอื่นๆ ก็ยังได้ อย่างเช่น ไก่ทอด (45,90 บาท) น้ำตกหมู (50 บาท) ลาบปลาดุก (45 บาท) ซุปหน่อไม้ (30 บาท) ส้มตำไทย,ปู,ปูปลาร้า,ไทยปู (30 บาท) เป็นต้น ความแซ่บถึงใจ อร่อยถูกปากแบบนี้ แวะกันมาได้ที่ร้าน “ส้มตำเจ๊แดง” ใน ซ.จุฬาฯ 48

ต้มแซ่บกระดูกอ่อน

ร้านยอดลาบเป็ดอุดรพระราม 9


ร้านยอดลาบเป็ดอุดร พระราม 9






การเดินทาง ถ้าเรามาจากถนน รามคำแหงก็ เลี้ยวซ้ายมา ถนนพระราม 9 ขับรงมาเรื่อยๆ เลย เดอะ นายย์ มาหน่อย 2 -3 ซอย จะเห็นชื่อร้านหน้าปากซอยชัดเจนคะ

ที่จอดรถ เราจอดริมถนนก็ได้ หรือจะเข้าไปจอดในซอยตรงข้ามร้านก็ได้ 

บรรยากาศ ร้านมีให้เลือกนั่ง ทั้งข้างใน ห้องแอร์ หรือ จะรับลมอยู่ ข้างนอกก็ได้ ร้านเป็นร้านที่ดัดแปลงมาจากบ้านเลยดูร่มรื่นดีคะ

อาหาร เป็นอาหารอีสานทั้วไปคะ แต่กับข้าวเป็นจานๆก็มีคะ

วันนี้วันศุกร์ สิ้นเดือน คนเลยคึกคักเต็มร้าน เห็น คนออฟฟิตมา นั่งกินกันเต็มไปหมด
นอกจากอาหารอีสานก็มีอาหารทะเลด้วยตักกันสดสด ตรงนั้นเลย

ส้มตำไทย(50 บาท) รสชาติเปรี้ยวเปรี้ยว หวานหวานดีึคะมะละกอกรอบ อร่อยรสดี จานนี้ชอบชอบ






ส่วนปลาร้าวันนี้เเราสั่งตำซั่วปูปลาร้า(60 บาท) เราบอกไม่ต้องเผ็ดมาก แต่ มาก็ยังลิ้นห้อยอยู่เหมือนเดิมปลาร้าไม่เหม็นมากกคะ



หอยแครงลวก(120 บาท) เราบอกเค้าว่า ไม่ต้องสด มาก เอาสุกสุกหน่อย เสริฟมากับน้ำจิ้มซีฟูด

หอยสะอาด น้ำจิ้มรสดีคะ


ลาบสุ้นเส้น ลาบวุ้นเส้น เค้า ใส่ปลาหมึกมาด้วย เลยเหมือนยำมากกว่า จานนี้เฉยๆ เพราะเราไปกินปลาหมึกแล้วมันไม่สด เลยไม่ค่อยชอบเท่าไหร่



จานต้ม แจ่วฮ้อน(180 บาท) ในที่สุดเราก็รู้ว่าแจ่วฮ้อนกับจิ่มจุ่ม ต่างกันยังไง ความผ็ดร้อนนี่เอง แจ่วฮ้อนจะใส่พริกไปในน้ำแกงด้วย

แจ่วฮ้อนเค้าก็มีให้เลือก เป็นหมู เนืัอ ทะเล หรือจะรวมมิตรก็ได้ เราเลือกหมู หมูเค้าิ้นิ่ม น้ำจิ้มก็เป็นน้ำจิ้มแจ่วทั้วไปคะ เราซดน้ำแกงไป

จนเกือบหมดหม้อ น้ำแกงเค้าอร่อยดี หอมเครือ่งที่เค้าใส่ลงไป




มีร้านนี้กต้องกินลาบเป็ด (145 บาท) เป็ดเค้าไม่เหม็นสาบแต่จานนี้เราผิดหวังนิดหน่อย เคยไปกินร้านอื่นเค้าใส่น้ำพริกเผาด้วย
ชอบอย่างงั้นมากกว่า



กุ้งแช่น้ำปลา(150บาท) กุ้งตัวใหญ่ สด น้ำจิ้มซีฟู้ดก็แซ่บ


ร้าน สุดแซ่บเมืองยศ..สุดแซ่บสมชื่อ

ร้าน สุดแซ่บเมืองยศ..สุดแซ่บสมชื่อ


อาหารอีสานเป็นอาหารที่ไม่ได้ถูกปากแต่คนอีสานเท่านั้นนะคะ
คนภาคไหนๆ ก็นิยมชมชอบในอาหารอีสานกันทั้งนั้นค่ะ
เรียกว่าเป็นอาหารยอดนิยมเลยก็ว่าได้
แอ๊มขอแนะนำร้านอาหารอีสานที่ชอบไปทานเป็นประจำค่ะ
นั่นก็คือร้าน สุดแซ่บเมืองยศ ค่ะ


อาหารจานเด็ดของร้านก็คือ ตำซั่วค่ะ 
แต่แอ๊มทานไม่เป็นเลยไม่ได้สั่งมา
แต่สั่งปากเป็ดย่าง ส้มตำปูม้า และ ตับหวานมาค่ะ




ปากเป็ดรสชาติเข้มข้นดีค่ะ ย่างมาได้กำลังดี 
หอมกลิ่นกระเทียมพริกไทย แทะเพลินเลยค่ะ
ส่วนตำปูม้าก็อร่อย แซปถึงใจ ปูม้าสด เนื้อหวานสุดๆ
ตับหวานก็อร่อยค่ะ ตับสุกได้ที่ไม่แข็งเกินไป ไม่ดิบเกินไป


ร้านนี้อยู่ตรงข้ามกระทรวงสาธารณสุข ฝั่งเดียวกับบิ๊กซีติวานนท์ค่ะ
ถ้ามาจากสี่แยกแคราย ก็ไปกลับรถหน้าBig C ติวานนท์แล้วตรงมาค่ะ
เมนูแนะนำ:
ไก่ย่าง,ตำซั่ว นะค่ะ อร่อยมากๆ

วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ร้านตำตำ : ร้านส้มตำไก่ทอดรสเด็ด


ร้านตำตำ : ร้านส้มตำไก่ทอดรสเด็ด 

     ร้านตำตำ : ร้านส้มตำไก่ทอดรสเด็ด เป็นร้านส้มตำใจกลางสยาม โดยพิกัดอยู่ตรงข้ามกับศูนย์หนังสือจุฬา ซึ่งร้านนี้มีจุดเด่นแตกต่างจากร้านส้มตำอื่นๆ ตรงที่มีการตกแต่งร้านโดดเด่นด้วยลวดลาย graphic และรูปภาพต่างๆที่อยู่บนผนังของร้าน โดยมีโทนสีหลักคือ ขาว ส้ม และดำ มาตัดกันอย่างลงตัว
เมื่อเดินผ่านร้านตำตำๆ นี้แล้วออฟคิดว่าคงมีน้อยคนมาก ที่จะเดินผ่านไปโดยไม่เหลียวหันมามองร้านอาหารที่มีการตกแต่งร้านสีสดขนาดนี้ ด้านหน้าร้านมีเมนูตั้งอยู่สองฝั่ง สามารถเข้าไปดูรายการอาหาร และพิจารณาราคากันได้ก่อนเข้าร้านค่ะ
พอได้เข้ามานั่งแล้วจะต้องหันไปมองผนังด้านข้างของร้านที่มีรูปภาพต่างๆ ถูกวาดเอาไว้อย่างลงตัว ด้วยเป็นการบอกเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับร้าน โดยใช้รูปภาพมาเป็นสื่อ
โต๊ะมีการใช้พลาสติกที่มีลวดลายเหมือนผ้าขาวม้าสีส้ม ขาว ดำอยุ่ เก้าอี้สีขาวนี้ ไม่ธรรมดาด้วยค่ะ เพราะว่าในส่วนของที่นั่งนั้นจะโค้งรับกับก้นของลูกค้า แต่ออฟถามไผ่แล้ว ไม่ได้แตกต่างไปจากเก้าอี้ที่มีที่นั่งตรงๆ เท่าไหร่

รายการอาหารวันนี้ออฟให้สิทธ์กับไผ่เลือกทั้งหมดโดยไม่มีข้อโต้แย้งเลยค่ะ รายการอาหารอย่างแรกที่มาเสริฟก็เป็น “ยำถั่วพลูกุ้งสด” ถึงแม้ว่าจะเห็นสีแดงสดของพริกสะท้อนเข้าตามาก่อน แอบกลัวความเผ็ดของอาหารจานนี้เหมือนกันค่ะ แต่ว่าพอลองทานแล้วพบว่าไม่เผ็ดอย่างที่คิด
รสชาติของกุ้ง ถั่วพลู และหมูสับ รวมไปถึงเครื่องยำต่างๆ เข้ากันอย่างลงตัว รสชาติเผ็ดกลมกล่อม เครื่องยำถึงรส เด็ดโดนใจมากๆค่ะ

มาต่อกันด้วยส้มตำไข่เค็มกันบ้างค่ะ ครั้งนี้ไผ่ไม่ได้สั่งไม่เผ็ดให้ออฟ แต่ทางร้านเหมือนรู้ใจ เพราะว่ารสชาติที่ได้มานั้น ไม่เผ็ดเกินกว่าที่จะรับได้ เส้นมะละกอกรอบสด ไข่เค็มที่หั่นโปะอยู่ด้านบนก็ดึงดูดสายตาได้ดี





สวนอาหารส้มตำศรีนครินทร์ ส้มตำปูไข่ แซ่บๆ


          สวนอาหารส้มตำศรีนครินทร์  ส้มตำปูไข่ แซ่บมาก

             ชื่อร้านไม่ซับซ้อน บอกกันตรงๆ ว่า สวนอาหารส้มตำ อยู่ที่ถนนศรีนครินทร์ หน้าร้านมีต้นไม้ใบเขียวครึ้ม บ่งบอกถึงความร่มรื่น






ป้าสาคร กลิ่นสุคนธ์ เล่าที่มาที่ไปของสวนอาหารส้มตำ ว่า เปิดมาประมาณ 30 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้ เปิดเป็นห้องแถวอยู่ทางด้านหน้า ก็ขายส้มตำ ไก่ย่าง ฉบับชาวบ้าน ต่อมาก็ขยับขยายซื้อที่ทางเข้ามาอยู่ในซ.ศรีนครินทร์ 44 ร่มรื่นด้วยต้นไม้มีที่จอดรถกว้างขวาง

เมื่อมาถึงร้านแล้วเรียก น้ำย่อยกันก่อนด้วย "ไส้กรอกอีสาน" สั่งตรงมาจากตำบลบ้านใหม่ จังหวัดขอนแก่น เป็นเนื้อหมูล้วน มันไม่มาก ไม่มีส่วนผสมของข้าวสุก เพราะกินแล้วเสียรสชาติของไส้กรอกอีสาน

วิธีปรุง ทอดในน้ำ มันท่วม ใช้ไฟอ่อนประมาณ 15 นาที ให้เหลือง กรอบนอกนุ่มใน ก็กินได้แล้ว กินแกล้มกับ ขิง-ต้นหอม ถั่วลิสง ที่เราคั่วเอง บวกกับพริกทอด


ถัดมาถึงเวลาส้มตำแล้ว ขอแนะนำ "ส้ม ตำปูไข่" ใช้มะละกอกรอบพันธุ์ดำเนิน มีจุดเด่นที่ความกรอบ เนื้อไม่เหนียว

การเตรียมมะละกอนั้น ทางร้านขูดเส้นมะละกอใส่กล่องพลาสติกแล้วทับด้วยน้ำแข็ง ให้เส้นมีความชื้นอยู่ตลอดเวลา

สำหรับปูทะเลไข่ คัดขนาด 6 ตัวต่อกิโลฯ มาล้างทำความสะอาด ดองด้วยซีอิ๊วขาว เครื่องยาจีน และสูตรของร้าน จากนั้นแช่ไว้ในช่องแช่แข็งทิ้งไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง เมื่อลูกค้าสั่ง จึงจะคลุกเคล้ามะละ กอกับปู ก่อนปรุงรสชาติให้กลมกล่อมด้วยน้ำยำ จานนี้พิเศษตรงที่ได้ความหวานของเนื้อปู

ต่อมาเป็น "ส้มตำ หลอด" ใช้เส้นใหญ่ ห่อด้วยแครอต ปรุงรสชาติน้ำยำสูตรของทางร้าน เติมถั่วลิสง คลุกเคล้าให้ทั่ว ใช้กุ้งลวกแต่งหน้า

สำหรับส้มตำของทางร้านมีมากมายหลายชนิด ไม่ให้เสียชื่อที่เป็นถึงสวนอาหารส้มตำ โดยตำกันกว่า 30 อย่าง ไม่ว่าจะเป็น ตำมะม่วงกุ้ง-ปู ตำผลไม้ ตำปูปลาร้า ตำปลากรอบ

อีกทีเด็ดแนะนำ ได้แก่ "แกงหน่อไม้ใบย่านาง" ใช้หน่อไม้สด หน่ออ่อน เพราะจะได้ไม่มีเสี้ยน หั่นเป็นชิ้น ต้มสักครึ่งชั่วโมง แล้วใช้ใบย่านางคั้นน้ำ ปรุงรส ใส่เห็ดฟางพริกขี้หนูสด หอมแดงทุบ ข้าวเบือ ชะอม ใบแมงลัก ฟักทอง ปลาร้า

มีส้มตำแล้วไม่มีไก่ย่าง ก็ถือว่าไม่ครบสูตร

ทางร้านนำเสนอ ไก่นาย่าง โดยสั่งไก่มาจากฟาร์มที่เลี้ยงด้วยสมุนไพร ในฟาร์มปิดเพื่อให้มั่นใจว่าปลอดโรค

การปรุงใช้ไก่ตัวละ 1 กิโลฯ หมักด้วยกระเทียม พริกไทย รากผักชี คลุกเคล้าให้เข้าเนื้อ ทิ้งไว้ 3 ชั่วโมง จากนั้นย่างที่เตาถ่าน ใช้ไฟปานกลาง ครั้งละ 45 นาทีเท่านั้น ให้ระอุถึงเนื้อข้างใน เนื้อไก่จะแห้ง และนุ่มกำลังดี หอมกลิ่นถ่าน

สำหรับคนชอบกินปลา ต้อง "ปลาช่อนเผาเกลือ" ที่ร้านของเราใช้ปลาตัวละ 8 ขีดกำลังพอดี ล้างให้สะอาดแล้วคลุกเกลือ ก่อนย่างประมาณ 45 นาที กินคู่กับน้ำจิ้มแจ่ว กับน้ำซีฟู้ด มีผักลวกแกล้ม

สวนอาหารส้มตำยังมีเมนูอีกมาก ไม่ว่าจะเป็น ลาบไข่เจียว และเลือกได้ว่าจะเป็นหมู เนื้อ หรือไก่ หรือจะเป็น ลาบหมูทอด ที่ใช้เครื่องลาบผสมหมู ปั้นให้เป็นลูกแล้วทอด หรือจะซดน้ำให้คล่องคอ แนะนำ ต้มแซบหมู ต้มแซบเนื้อ ที่มีรสชาติเปรี้ยว-เค็ม-เผ็ด กำลังดี ซดคล่องคอ โดยราคาส้มตำเริ่มที่ 40 บาท และจานอื่นๆ สูงสุดราคา 260 บาท







สำหรับร้านหาไม่ยาก วิ่งถนนศรีนครินทร์ สังเกตซอยศรีนครินทร์ 44 ตรงข้ามห้างพาราไดซ์ พาร์ค เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น. ทุกวัน หรือถ้าไม่ถูกให้โทร.สอบถามที่หมายเลข 0-2393-5884 หรือ 0-2748-0794-5